วันพฤหัสบดีที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554
เทคนิคการพูดยกย่องผู้บังคับบัญชา
ทำงานในบริษัท โดยเฉพาะพนักงานในสำนักงาน เพราะเวลาที่ต้องอยู่ด้วยกันกับเจ้านายมากกว่า ด้วยเหตุนี้ การที่จะได้รับความพอใจหรือไม่พอใจจากเจ้านาย จึงมีความสำคัญต่อความสำเร็จของคุณด้วย
พนักงานซึ่งขาดประสบการณ์ อาจทำให้เจ้านายเกิดความไม่พอใจโดยตนเองไม่รู้ตัว เพราะว่าขณะที่งานบางชิ้นของเขาสัมฤทธิ์ผล เขาจะกล่าวอย่างไม่รอช้าว่า “งานนี้สัมฤทธิ์ผลเพราะฉัน”
สำหรับพนักงานซึ่งมีประสบการณ์ เมื่อเขาปฏิบัติงานจนสัมฤทธิ์ผลเขาจะแกล้งกล่าวกับเจ้านายว่า “งานชิ้นนี้สัมฤทธิ์ผลได้เพราะท่านให้การสนับสนุน” การพูดเช่นนี้ก็เพื่อให้เจ้านายเกิดความพอใจต่อเขานั่นเอง เมื่อเจ้านายพอใจในตัวคุณ โอกาสซึ่งคุณจะได้เลื่อนตำแหน่งก็มากขึ้น
ที่มา http://www.jobsinsure.com/trick/index02.htm
ความ(ลับ)ของผู้หญิงที่ผู้ชายไม่เคยรู้ !!!!
แหม... ใครๆๆก็รู้ว่าผู้หญิงขึ้นชื่อว่าเป็นเพศที่เดาใจยาก(มาก) พูดอีกอย่างแต่ในใจคิดอีกอย่าง สุดท้ายจบลงด้วยการงอล และงี่เง่าเป็นที่สุด (คุณผู้ชายว่าจริงใหมค่ะอิอิ ) หากหนุ่มคนใหนมีแฟนอารมณ์แปรปรวนอย่างนี้ ขอบอกว่า อย่าเพิ่งปวดหัวไป นะค่ะ
ทำไม ? ผู้หญิืงถึงชอบให้เดินจับมือในที่สาธารณะ
คุณผู้ชายคนใหนที่มีแฟนขี้อ้อนและอยากแสดงให้คนทั่วโลกได้เห็นแบบนี้ ขอบอกว่า เธอผู้นั้นอยากจะให้แฟนแสดงควารักให้คนทั่วไปได้ประจักษ์และรับรู้ว่า ผู้ชายคนนี้เค้ารักเธอจริงๆ นะ ด้วยการพิสูจน์ให้เดินจับมือในสาธารณะเพราะเธอมักคิดว่า ผู้ชายบางคนชอบที่จะดูแลเอาใจใส่เทคแคร์ก็ต่อเมื่ออยู่กันสองต่อสองเท่านั้นแต่พออยู่ในที่สารธาณะ หรือในหมู่เพื่อนๆๆ กลับทำเป็นเก๊กและฟอร์มจัด ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ผู้หญิงรู้สึกสับสน และเสียเซลฟ์ในที่สุด
แต่ถ้าหาก คุณผู้ชายรู้สึกเขิลที่จะแสดงออกต่อหน้าคนหมู่มาก วิธีง่ายๆๆ ที่จะทำให้ไม่ต้องมาทะเลาะกันด้วยเรื่องไร้สาระแบบนี้คือ อธิบายให้แฟนคุณได้เข้าใจว่าการไม่จับมือกันเดินนั้น ไม่ได้หมายความว่า ไม่รักหรือไม่เอาใจใส่ แต่เป็นเพราะรุ้สึกเขิลอายที่มีสายตานับพัันคู่เพ่งตรงมาที่คุณต่างหากล่ะ อิอิ :heart: :heart: :heart:
ที่มา http://www.baanmaha.com/community/thread29303.html
ทำไม ? ผู้หญิืงถึงชอบให้เดินจับมือในที่สาธารณะ
คุณผู้ชายคนใหนที่มีแฟนขี้อ้อนและอยากแสดงให้คนทั่วโลกได้เห็นแบบนี้ ขอบอกว่า เธอผู้นั้นอยากจะให้แฟนแสดงควารักให้คนทั่วไปได้ประจักษ์และรับรู้ว่า ผู้ชายคนนี้เค้ารักเธอจริงๆ นะ ด้วยการพิสูจน์ให้เดินจับมือในสาธารณะเพราะเธอมักคิดว่า ผู้ชายบางคนชอบที่จะดูแลเอาใจใส่เทคแคร์ก็ต่อเมื่ออยู่กันสองต่อสองเท่านั้นแต่พออยู่ในที่สารธาณะ หรือในหมู่เพื่อนๆๆ กลับทำเป็นเก๊กและฟอร์มจัด ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ผู้หญิงรู้สึกสับสน และเสียเซลฟ์ในที่สุด
แต่ถ้าหาก คุณผู้ชายรู้สึกเขิลที่จะแสดงออกต่อหน้าคนหมู่มาก วิธีง่ายๆๆ ที่จะทำให้ไม่ต้องมาทะเลาะกันด้วยเรื่องไร้สาระแบบนี้คือ อธิบายให้แฟนคุณได้เข้าใจว่าการไม่จับมือกันเดินนั้น ไม่ได้หมายความว่า ไม่รักหรือไม่เอาใจใส่ แต่เป็นเพราะรุ้สึกเขิลอายที่มีสายตานับพัันคู่เพ่งตรงมาที่คุณต่างหากล่ะ อิอิ :heart: :heart: :heart:
ที่มา http://www.baanmaha.com/community/thread29303.html
เคล็ดลับ เรียนเก่ง
เคล็ดลับ เรียนเก่ง
คงเข้าใจว่าใครหลายๆคน อาจจะกำลังคิดอยู่ว่า จะทามยังไงดีให้เราเรียนเข้าใจ รู้เรื่อง ความจริงแล้ว ในการ เรียนหนังสือ ไม่ว่าเราจะฉลาดหรือไม่ ถ้าเรามีความตั้งใจที่จะศึกษาและไขว่คว้าอยู่ตลอด มันก็จะดีมากเรยคะ เอาเป็นว่า มาดูดีกว่า ว่า เคล็ดลับ 13 ประการในการเรียนอย่างมีประสิทธิ์ภาพมีอะไรบ้าง
1.เราต้องมีความรับผิดชอบคะ
-เราต้องมีความรับผิดชอบต่อตนเองนะคะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการบ้าน เรื่องเรียน หลายคนเวลาลืมทำการบ้าน ก็จะบอกอาจารย์ว่าหนูลืมคะ นั่นไม่ใช่ข้ออ้างที่ดีนะคะ (คนเขียนทามบ่อยคะ อิอิ)
2.เริ่มต้นดี
-ใครหลายๆคนนะคะ เวลาเปิดเทอมใหม่ๆนี่ ก็จะตั้งใจเรียน แต่พอไปหลังๆนี่ เริ่มแร้วคะ ถ้าเราเริ่มต้นดีตั้งแต่ตอนแรก และก็ดีเสมอไป รับรองคะ
3.กำหนดเป้าหมายในการเรียนอย่างแน่วแน่
-เพื่อนๆหลายคนตอนนี้ อาจจะกำลังศึกษาอยู่ ม.3 หลายคนก็ศึกษาอยู่ ม.6 ในการเรียนต่อนั้น เพื่อนๆต้องกำหนดให้เป้าหมายในการเรียนให้ชัดเจน ทั้งระยะสั้นและระยะยาว และทุ่มเทความพยายามให้บรรลุเป้าหมายนั้น
4.วางแผนและจัดการ
-มีการวางแผน จัดลำดับสำคัญของกิจกรรมที่ต้องทำ หากทำเป็นตารางสัปดาห์ได้ก็ยิ่งดีใหญ่เรยนะคะ
5.มีวินัยต่อตนเอง
-เมื่อกำหนดเป้าหมาย วางแผนและจัดการเรียบร้อยแล้ว เราก็ต้องสัญญากับตนเองอย่างแน่วแน่ที่จะมีวินัย และปฏิบัติตาม
6.อย่าล้าสมัย
-วิทยาการพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว การค้นคว้าหาความรู้ ต้องอิงกับข้อมูลที่ทันสมัย ทันเหตุการณ์
7.ฝึกตนเองให้เรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ
-ศึกษาข้อมูลเสนอแนะ และฝึกทักษะการเรียนรู้
8.เตรียมพร้อมเพื่อเข้าสู้ชั้นเรียน
-เตรียมตัวเป็นผู้ใฝ่หาความรู้อย่างแข็งขัน เตรียมอุปกรณ์หนังสือที่จะใช้ในการเรียนให้เรียบร้อย
9.มุ่งมั่นจดจ่อต่อบทเรียน
-ในการเรียนนั้นเราก็ควรที่จะมีความมุ่งมั่น ตั้งใจฟังที่อาจารย์พูด อาจารย์สอน ไม่เข้าเรียนเพื่อที่จะมานั่งพูดคุยกัน หรือรอเวลาให้เลิกเรียนเร็วๆ
10.เป็นตัวของตัวเอง
-รู้จักคิดและทำ ด้วยความสามารถของตนเอง คิดเสมอว่าเราเป็นผู้หนึ่งที่มีศักยภาพสูงเหมือนกัน
11.มีความกระตือรือล้น
-ความสำเร็จเป็นของผู้ที่มีความริเริ่ม เป็นฝ่ายรุกที่จะมุ่งหน้า และคว้าความสำเร็จเป็นของตนเอง
12.มีสุขภาพดี
-เพื่อนๆอย่าลืมใส่ใจถึงสุขภาพทางร่างกายของตัวเราเองนะคะ ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมนันทนาการ กิจกรรมทางสังคมต่างๆ
ก็มาถึงเคล็ดลับทางการเรียนข้อสุดท้ายกันแล้วคะ
13.เรียนอย่างมีความสุข
-เราต้องพยายามที่จะเก็บเกี่ยวความสนใจในบทเรียน คิดเสมอว่า วิชานี้น่าเรียน เรียนสนุก ไม่ต้องไปเครียดกับมัน แล้วเราก็จะเรียนอย่างมีความสุขคะ
ก็บอกกันไปแล้วนะคะ ไงเพื่อนๆก็อย่าลืม นำเคล็ดลับทั้ง13ประการนี้ ไปปฏิบัติกันดูนะคะแล้วคราวหน้า เกดจะเอาอะไรมาฝากกัน คอยดูนะคะ
ที่มา http://www4.eduzones.com/entertain/10627
คงเข้าใจว่าใครหลายๆคน อาจจะกำลังคิดอยู่ว่า จะทามยังไงดีให้เราเรียนเข้าใจ รู้เรื่อง ความจริงแล้ว ในการ เรียนหนังสือ ไม่ว่าเราจะฉลาดหรือไม่ ถ้าเรามีความตั้งใจที่จะศึกษาและไขว่คว้าอยู่ตลอด มันก็จะดีมากเรยคะ เอาเป็นว่า มาดูดีกว่า ว่า เคล็ดลับ 13 ประการในการเรียนอย่างมีประสิทธิ์ภาพมีอะไรบ้าง
1.เราต้องมีความรับผิดชอบคะ
-เราต้องมีความรับผิดชอบต่อตนเองนะคะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการบ้าน เรื่องเรียน หลายคนเวลาลืมทำการบ้าน ก็จะบอกอาจารย์ว่าหนูลืมคะ นั่นไม่ใช่ข้ออ้างที่ดีนะคะ (คนเขียนทามบ่อยคะ อิอิ)
2.เริ่มต้นดี
-ใครหลายๆคนนะคะ เวลาเปิดเทอมใหม่ๆนี่ ก็จะตั้งใจเรียน แต่พอไปหลังๆนี่ เริ่มแร้วคะ ถ้าเราเริ่มต้นดีตั้งแต่ตอนแรก และก็ดีเสมอไป รับรองคะ
3.กำหนดเป้าหมายในการเรียนอย่างแน่วแน่
-เพื่อนๆหลายคนตอนนี้ อาจจะกำลังศึกษาอยู่ ม.3 หลายคนก็ศึกษาอยู่ ม.6 ในการเรียนต่อนั้น เพื่อนๆต้องกำหนดให้เป้าหมายในการเรียนให้ชัดเจน ทั้งระยะสั้นและระยะยาว และทุ่มเทความพยายามให้บรรลุเป้าหมายนั้น
4.วางแผนและจัดการ
-มีการวางแผน จัดลำดับสำคัญของกิจกรรมที่ต้องทำ หากทำเป็นตารางสัปดาห์ได้ก็ยิ่งดีใหญ่เรยนะคะ
5.มีวินัยต่อตนเอง
-เมื่อกำหนดเป้าหมาย วางแผนและจัดการเรียบร้อยแล้ว เราก็ต้องสัญญากับตนเองอย่างแน่วแน่ที่จะมีวินัย และปฏิบัติตาม
6.อย่าล้าสมัย
-วิทยาการพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว การค้นคว้าหาความรู้ ต้องอิงกับข้อมูลที่ทันสมัย ทันเหตุการณ์
7.ฝึกตนเองให้เรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ
-ศึกษาข้อมูลเสนอแนะ และฝึกทักษะการเรียนรู้
8.เตรียมพร้อมเพื่อเข้าสู้ชั้นเรียน
-เตรียมตัวเป็นผู้ใฝ่หาความรู้อย่างแข็งขัน เตรียมอุปกรณ์หนังสือที่จะใช้ในการเรียนให้เรียบร้อย
9.มุ่งมั่นจดจ่อต่อบทเรียน
-ในการเรียนนั้นเราก็ควรที่จะมีความมุ่งมั่น ตั้งใจฟังที่อาจารย์พูด อาจารย์สอน ไม่เข้าเรียนเพื่อที่จะมานั่งพูดคุยกัน หรือรอเวลาให้เลิกเรียนเร็วๆ
10.เป็นตัวของตัวเอง
-รู้จักคิดและทำ ด้วยความสามารถของตนเอง คิดเสมอว่าเราเป็นผู้หนึ่งที่มีศักยภาพสูงเหมือนกัน
11.มีความกระตือรือล้น
-ความสำเร็จเป็นของผู้ที่มีความริเริ่ม เป็นฝ่ายรุกที่จะมุ่งหน้า และคว้าความสำเร็จเป็นของตนเอง
12.มีสุขภาพดี
-เพื่อนๆอย่าลืมใส่ใจถึงสุขภาพทางร่างกายของตัวเราเองนะคะ ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมนันทนาการ กิจกรรมทางสังคมต่างๆ
ก็มาถึงเคล็ดลับทางการเรียนข้อสุดท้ายกันแล้วคะ
13.เรียนอย่างมีความสุข
-เราต้องพยายามที่จะเก็บเกี่ยวความสนใจในบทเรียน คิดเสมอว่า วิชานี้น่าเรียน เรียนสนุก ไม่ต้องไปเครียดกับมัน แล้วเราก็จะเรียนอย่างมีความสุขคะ
ก็บอกกันไปแล้วนะคะ ไงเพื่อนๆก็อย่าลืม นำเคล็ดลับทั้ง13ประการนี้ ไปปฏิบัติกันดูนะคะแล้วคราวหน้า เกดจะเอาอะไรมาฝากกัน คอยดูนะคะ
ที่มา http://www4.eduzones.com/entertain/10627
การดูแลสุขภาพตนเอง
การดูแลสุขภาพตนเอง
โดยธรรมชาติของมนุษย์ เมื่อเกิดปัญหาต่างๆ ขึ้น ในชีวิต ก็จะพยายามหาทางแก้ปัญหาด้วยตัวเอง เป็นอันดับแรก เมื่อรู้ว่า ไม่สามารถแก้ปัญหาได้เอง ก็จะแสวงหาความช่วยเหลือจากผู้อื่น
ในเรื่องความเจ็บป่วย หรือปัญหาสุขภาพก็เช่นเดียวกัน ทุกคนต้องการที่จะดูแลตนเอง ให้มีสุขภาพดีอยู่เสมอ ดังนั้น กล่าวได้ว่า "การดูแลสุขภาพตนเอง เป็นกิจกรรมที่บุคคลแต่ละคนปฏิบัติ และยึดเป็นแบบแผนในการปฏิบัติ เพื่อให้มีสุขภาพดี" อาจแบ่งขอบเขตการดูแลสุขภาพตนเอง เป็น 2 ลักษณะคือ
การดูแลสุขภาพตนเองในสภาวะปกติ
เป็นการดูแลสุขภาพตนเอง และสมาชิกในครอบครัว ให้มีสุขภาพแข็งแรง สมบูรณ์อยู่เสมอ ได้แก่
การดูแลส่งเสริมสุขภาพ เพื่อให้สุขภาพแข็งแรง สามารถดำเนินชีวิตได้อย่างปกติสุข เช่น การออกกำลังกาย การสร้างสุขวิทยาส่วนบุคคลที่ดี ไม่ดื่มสุรา ไม่สูบบุหรี่ หลีกเลี่ยงจากสิ่งที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
การป้องกันโรค เพื่อไม่ให้เจ็บป่วยเป็นโรค เช่น การไปรับภูมิคุ้มกันโรคต่างๆ การไปตรวจสุขภาพ การป้องกันตนเองไม่ให้ติดโรค
การดูแลสุขภาพตนเองเมื่อเจ็บป่วย
ได้แก่ การขอคำแนะนำ แสวงหาวามรู้จากผู้รู้ เช่น อาสาสมัครสาธารณสุขต่างๆ ในชุมชน บุคลากรสาธารณสุข เพื่อให้ได้แนวทางปฏิบัติ หรือการรักษาเบื้องต้นให้หาย จากความเจ็บป่วย ประเมินตนเองได้ว่า เมื่อไรควรไปพบแพทย์ เพื่อรักษาก่อนที่จะเจ็บป่วยรุนแรง และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ หรือบุคลากรสาธารณสุข เพื่อบรรเทาความเจ็บป่วย และมีสุขภาพดีดังเดิม
การที่ประชาชนทั่วไปสามารถดูแลสุขภาพตนเองได้นั้น จำเป็นต้องมีความรู้ ึความเข้าใจในเรื่อง การดูแลสุขภาพ ตั้งแต่ยังไม่เจ็บป่วย เพื่อบำรุงรักษาตนเอง ให้สมบูรณ์แข็งแรง รู้จักที่จะป้องกันตัวเอง มิให้เกิดโรค และเมื่อเจ็บป่วยก็รู้วิธีที่จะรักษาตัวเอง เบื้องต้นจนหายเป็นปกติ หรือรู้ว่า เมื่อไรต้องไปพบแพทย์ หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุข
ที่มา http://www.thaigoodview.com/library/teachershow/lopburi/sudjai_r/sec01p1.htm
โดยธรรมชาติของมนุษย์ เมื่อเกิดปัญหาต่างๆ ขึ้น ในชีวิต ก็จะพยายามหาทางแก้ปัญหาด้วยตัวเอง เป็นอันดับแรก เมื่อรู้ว่า ไม่สามารถแก้ปัญหาได้เอง ก็จะแสวงหาความช่วยเหลือจากผู้อื่น
ในเรื่องความเจ็บป่วย หรือปัญหาสุขภาพก็เช่นเดียวกัน ทุกคนต้องการที่จะดูแลตนเอง ให้มีสุขภาพดีอยู่เสมอ ดังนั้น กล่าวได้ว่า "การดูแลสุขภาพตนเอง เป็นกิจกรรมที่บุคคลแต่ละคนปฏิบัติ และยึดเป็นแบบแผนในการปฏิบัติ เพื่อให้มีสุขภาพดี" อาจแบ่งขอบเขตการดูแลสุขภาพตนเอง เป็น 2 ลักษณะคือ
การดูแลสุขภาพตนเองในสภาวะปกติ
เป็นการดูแลสุขภาพตนเอง และสมาชิกในครอบครัว ให้มีสุขภาพแข็งแรง สมบูรณ์อยู่เสมอ ได้แก่
การดูแลส่งเสริมสุขภาพ เพื่อให้สุขภาพแข็งแรง สามารถดำเนินชีวิตได้อย่างปกติสุข เช่น การออกกำลังกาย การสร้างสุขวิทยาส่วนบุคคลที่ดี ไม่ดื่มสุรา ไม่สูบบุหรี่ หลีกเลี่ยงจากสิ่งที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
การป้องกันโรค เพื่อไม่ให้เจ็บป่วยเป็นโรค เช่น การไปรับภูมิคุ้มกันโรคต่างๆ การไปตรวจสุขภาพ การป้องกันตนเองไม่ให้ติดโรค
การดูแลสุขภาพตนเองเมื่อเจ็บป่วย
ได้แก่ การขอคำแนะนำ แสวงหาวามรู้จากผู้รู้ เช่น อาสาสมัครสาธารณสุขต่างๆ ในชุมชน บุคลากรสาธารณสุข เพื่อให้ได้แนวทางปฏิบัติ หรือการรักษาเบื้องต้นให้หาย จากความเจ็บป่วย ประเมินตนเองได้ว่า เมื่อไรควรไปพบแพทย์ เพื่อรักษาก่อนที่จะเจ็บป่วยรุนแรง และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ หรือบุคลากรสาธารณสุข เพื่อบรรเทาความเจ็บป่วย และมีสุขภาพดีดังเดิม
การที่ประชาชนทั่วไปสามารถดูแลสุขภาพตนเองได้นั้น จำเป็นต้องมีความรู้ ึความเข้าใจในเรื่อง การดูแลสุขภาพ ตั้งแต่ยังไม่เจ็บป่วย เพื่อบำรุงรักษาตนเอง ให้สมบูรณ์แข็งแรง รู้จักที่จะป้องกันตัวเอง มิให้เกิดโรค และเมื่อเจ็บป่วยก็รู้วิธีที่จะรักษาตัวเอง เบื้องต้นจนหายเป็นปกติ หรือรู้ว่า เมื่อไรต้องไปพบแพทย์ หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุข
ที่มา http://www.thaigoodview.com/library/teachershow/lopburi/sudjai_r/sec01p1.htm
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)