อาการที่พบบ่อย
• ชาบริเวณปลายนิ้วอาจจะเป็นนิ้วหัวแม่มือ, นิ้วชี้, นิ้วกลาง บางนิ้วหรือทั้ง 3 นิ้ว รวมทั้งนิ้วนางครึ่งนิ้ว • อาการชาบางครั้งหายไปได้เอง หรือมีอาการชามากขึ้นตอนกลางคืน • ชามากขึ้นเวลาทำงาน หรือชาตลอดเวลา • มีอาการกดเจ็บบริเวณฝ่ามือ ถ้าท่านมีอาการเช่นนี้ อาจจะเป็นภาวะที่เส้นประสาทบริเวณข้อมือถูกกดทับ โครงสร้างของมือ ที่ทำให้มีอาการชาลักษณะนี้ เส้นประสาทที่มาเลี้ยงฝ่ามือทางด้านฝ่ามือจะมี 2 เส้น คือ • เส้นประสาทมีเดียน (Median nerve) เลี้ยงฝ่ามือทางด้านนิ้วหัวแม่มือ, นิ้วชี้, นิ้วกลาง และนิ้วนางครึ่งนิ้ว • เส้นประสาทอัลน่าร์ เลี้ยงฝ่ามือทางด้านนิ้วก้อย และอีกครึ่งหนึ่งของนิ้วนาง
ความสำคัญ เส้นประสาทมีเดียน เข้าไปในฝ่ามือโดยผ่านอุโมงค์ (Carpal tunnel) โดยมีเยื่อพังผืด (Deep tranverse carpal ligament) ขึงระหว่างกระดูกข้อมูล ในอุโมงค์นี้ นอกจากจะมีเส้นประสาทมีเดียนแล้วยังมีเอ็นที่ทำหน้าท ี่งอนิ้วอีก 9 เส้น อยู่รวมกัน เส้นประสาทมีเดียนเมื่อคลอดอุโมงค์ข้อมือเข้าไปแล้ว จะไปแยกแขนงไปรับความรู้สึกที่นิ้วหัวแม่มือ, นิ้วชี้, นิ้วกลาง ครึ่งนิ้วของนิ้วนางและอีกแขนงหนึ่งจะเลี้ยงกล้ามเนื ้อที่เนินฝ่าข้อมือด้านโคนนิ้วหัวแม่มือ (Thenar eminence) สาเหตุ • การใช้งานของข้อมือที่มีการงอข้อมือ, หรือกระดกข้อมือมาก ๆ จะทำให้เยื่อพังผืดไปกดรัดเส้นประสาทมากขึ้น • ปัจจัยอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องที่พบภาวะนี้ได้ เช่น โรคเบาหวาน, โรคพิษสุราเรื้อรัง, โรคไทรอยด์ และผู้ป่วยสูงอายุ เป็นภาวะที่อาจทำให้เลือดไปเลี้ยงบริเวณส่วนต่าง ๆ ในอุโมงค์นี้น้อยลง เซลล์บางส่วนตาย มีอาการบวมของเอ็นเยื่อหุ้มเอ็นไปกดเส้นประสาทมีเดีย นได้มากขึ้น ข้อแนะนำ ถ้ามีอาการชาปลายนิ้ว ลองขยับข้อมือ นิ้วมือเบา ๆ ถ้ามีอาการดีขึ้นหายชาได้ หรือมีอาการชาตอนกลางคืนบางครั้ง อาจจะมีสาเหตุจากการกดทับของเส้นประสาทมีเดียนในระยะ แรก ๆ ได้ • ท่านควรหลีกเลี่ยงการใช้ข้อมือที่อยู่ท่าที่ผิดปกติ เช่น ในท่องอข้อมือมาก ๆ การยกของ หรือการกระดกข้อมือมาก ๆ เช่น การยันพื้น, ดันสิ่งของต่าง ๆ • การที่ใช้ข้อมือมากเกินไป การปวด ขา กลางคืน บางท่านบอกต้องเอาข้อมือวางบนหมอนหรือบางครั้งต้องเอ าหนังสือพิมพ์ม้วนผูกติดกับข้อมือให้ข้อมืออยู่ในท่า ตรงจะไม่ค่อยชา ก็เป็นวิธีที่ถูกต้อง ข้อมือที่อยู่ในท่าปกติ ไม่หักงอพับไปด้านใดด้านหนึ่ง จะเป็นท่าที่เส้นประสาทถูกกดทับน้อยที่สุด ถ้าท่านลองแก้ไขด้วยตัวเองไม่ดีขึ้น ควรพบแพทย์
ที่มา www.samunpri.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น